Pages

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2011 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 2011 แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์, มกราคม 07, 2555

รีวิว Epic Astro Story


ไปเที่ยวปีใหม่ เพลินจนลืมเข้าไป update เกมส์ใน android market  ....
เกมส์ใหม่จาก Kairo Soft จากที่เคยเขียนไว้ว่าจะรีวิว ได้ออกมาให้เล่นกันแล้ว
นั่นคือ  Epic Astro Storyyyyyyy (ทำเสียง เอคโค่)

Epic Astro Story เป็นเกมส์แนววาง Tile เป้าหมายเพื่อสร้างเมือง
และผจญภัยในดวงดาวต่างๆ ซึ่งในการสร้างเมืองเราจะต้องทำการ explore แผนที่
ในแต่ละ block พร้อมทั้งต่อสู้กับเจ้าถิ่นที่อยู่ใน Fog of War นั้นๆ ด้วย ...
ทั้งนี้ในตัวเกม จะไม่ซับซ้อนเท่า World Cruise Story แต่เราต้องวางแผนเพื่อบริหารดวงดาว
ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน .... ภาคนี้ Timing เป็นสิ่งสำคัญ
เช่นเดียวกับ Grand Prix Story ครับ

General Knowledge

อย่างที่บอกไปแล้วว่า เกมส์นี้ไม่ซับซ้อนมาก
ตัวระบบของเกมส์จะแบ่งค่าออกเป็น 3 อย่างคือ

  1. เงิน
  2. Research Point
  3. Attraction Point 

โดย Attraction Point จะเป็นค่าที่ช่วยดึงดูดมนุษย์ต่างดาว
ให้มาเยี่ยมดาวของเราบ่อยยิ่งขึ้น ...
แต่สิ่งที่เพิ่ม Attraction Point นั้นเราสามารถเลือกสร้างได้มีแค่ 1 อย่าง
ที่มีค่า Attraction Point เพียงแค่ 2 (แต่สร้างได้หลายอัน) ดังนั้นการสำรวจพื้นที่บนดวงดาว
จึงเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างโรงแรมให้เหล่า Alien อยู่ ...



ค่า Research Point สามารถหาได้จากการผจญภัย และจาก Alien ที่มาเยี่ยมที่ดาวเรา
โดยจะมี item ที่สร้างเพื่อให้ได้ Research Point ได้โดยเฉพาะ ซึ่งค่า Research Point นั้น
จะมีใช้งานอยู่ 2 ลักษณะ คือ อัพเกรด Tech  ต่างๆ และ ใช้ในการชวนเพื่อน ที่อยู่ในดวงดาวอื่นๆ ...

ส่วนเงิน ไว้สำหรับสร้าง Building ที่จะมีอยู่ 3 หมวดหมู่ ได้แก่ บ้านเรือน / ที่ทำงาน / ที่พัก Alien



Characters

ตัวละครในภาคนี้ จะมองเป็นประชากร ภายในดวงดาวของเรา ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ

  • สายต่อสู้
  • สายผจญภัย
  • สายแรงงาน

ซึ่งในการเปิดแผนที่จำเป็นที่จะต้องมี สายต่อสู้ + สายผจญภัย รวมเข้าด้วยกัน
จะทำให้ การเปิดแผนที่สามารถทำได้ง่ายขึ้น ในตัวละครก็จะมีค่าที่ปรับแต่งได้ อยู่ 3 อย่าง
คือ อาวุธ เกราะ และ สกิล


Highlight ของภาคนี้คงจะหนีไม่พ้น ระบบต่อสู้ เพื่อแย่งชิงพื้นที่ในดวงดาว
โดยอาวุธจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ ระยะประชิด และระยะไกล ซึ่งอาวุธแบบระยะไกล
จะมีแบ่งออกเป็นอีก 2 ประเภท คือ โจมตีเดี่ยว และ โจมตีหมู่
ซึ่งอาวุธโจมตีเดี่ยว จะมี Damage มากกว่า อาวุธโจมตีหมู่ จึงควรเลือกใช้ตามความเหมาะสมครับ


ภาคนี้ไม่มีระบบ Aura แต่ถูกแทนที่ด้วยระบบ Skill แทน ซึ่งแต่ละ Skill จะมีความสามารถแตกต่างกัน
ไว้จะสรุปข้อมูลเกมส์ มาให้อีกทีนึงครับ


นอกจากจะต้องแย่งชิงพื้นที่ภายในดวงดาวแล้ว เรายังต้องไปช่วย
เหล่า Alien ให้สามารถมาเยี่ยมที่ดวงดาวของเราได้
(จะได้ Research point จากการมาเยี่ยมเพิ่ม)
การที่จะไปช่วยนั้นจึงควรเตรียมพร้อมเหล่านักรบให้แข็งแกร่งก่อนไปสู้ด้วย
ซึ่งการจะทำให้ LV ของเหล่านักรบเพิ่มไม่ได้ มาจากการไปต่อสู้เยอะๆ
แต่มาจากการใช้ "เงิน" เพื่อ up Level ...
ความยากจึงอยู่ที่เราจะ Balance ระหว่างเงินกับการผจญภัยได้อย่างไร ...

Special Bonus

เนื่องจากเมื่อเราเปิดแผนที่หมดแล้ว Kairo Soft คิดว่าคนเล่นคงเบื่อหากคิดจะเล่นต่อ
เลยแถมไม้ตายภายในเกมส์ไว้ให้ นั่นคือ  Bottomless Chasm ที่เป็นเหมือน Dungeon
ไว้หา item พิเศษ ซึ่ง Monster ใน Bottomless Chasm นั้นค่อนข้างที่จะโหดพอสมควรเลยทีเดียว ...

ของที่สามารถ Carry เมื่อจบเกมส์ได้ จะมีอยู่  2 อย่าง คือ

  • Chimpan Z Suite (ชวน monster ขนาดเล็กมาเป็นพลเมืองได้)
  • Kai Robot Suite (ชวน monster ทุกขนาดมาเป็นพลเมืองได้ - Bottomless Chasm Lv 16)  


สรุป
หากเป็นแฟนเกมส์แนว RPG ที่มีการวางแผนเป็นหัวใจในการเล่นแล้วล่ะก็ ...
เกมส์นี้ห้ามพลาดเช่นกันครับ ( เล่นจนลืม Grand Prix Story ไปเลย)

ไว้ Blog หน้าจะมาเขียนถึง Data Guide ต่างๆ ครับ
UPDATE: ด้วยความที่ตัวเข้เกียจครอบงำ ... แนะนำให้ไปดู ที่นี่ ครับ :)

วันอังคาร, ธันวาคม 27, 2554

ประสบการณ์ DIY กับ IKEA


เมื่อเสาร์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเดิน IKEA กับคุณแม่ครับ ...
เป็นครั้งแรกที่คุณแม่ปลื้มกับร้านขาย Furniture อาจเป็นเหตุผลหลายๆอย่าง
เมื่อเทียบกับร้านเฟอร์นิเจอร์ที่เคยไปก็เป็นได้ ... รีวิว อีเกีย บางนา...
มีคนเขียนเยอะแล้ว ... ขอแหวกแนว มารีวิวแนว DIY ของของ IKEA แทนแล้วกัน ...

เป็นที่รู้กันว่า ของที่ IKEA นั้น เราจำเป็นต้องขนมา counter เอง , แบกกลับบ้านเอง
รวมไปถึง ต้องเอามาต่อเอง .... ซึ่งการที่จะไปซื้อของชิ้นนึงที่ IKEA
จำเป็นต้อง "ทำการบ้าน" ก่อนที่จะไปซื้อ ... เพราะถ้าไม่ทำการบ้านไปก่อน
เราอาจจะต้องเสียตังค่าส่งของโดยไม่จำเป็นได้ ...

เมื่อซื้อแล้วขนกลับบ้านไม่ได้ ...
เพราะเนื่องด้วยไปครั้งแรก... ถึงแม้ทำการบ้านไปค่อนข้างดีแล้ว (มองหาแค่โต๊ะคอม)
แต่กลับมาตกม้าตายตรงเวลา "ขน" กลับบ้าน ....
เนื่องด้วยโต๊ะตัวที่ดูไว้ ... พอมาเห็นตัวจริงกลับไม่ถูกใจเท่าที่ควร
จึงจัดได้เป็นโต๊ะ GALANT ตัวใหญ่มาแทน ...
สิ่งที่ตามมาจึงเป็นค่าจัดส่งนิดหน่อยครับ Rate ของ IKEA ก็ไม่โหดมากนัก ....
โดยราคาจะคิดตามขนาดที่ขน  ซึ่งจะอยู่ที่ 1/4 ของรถกะบะ ...
ถ้ามากกว่านั้นก็เสียค่าขนเป็นชุดๆ ไป ....

เมื่อเริ่มประกอบ ...
จากที่เดินๆดูของที่ IKEA พบว่า ชุดประกอบจะมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ
  1. เฟอร์นิเจอร์เข้าชุด อย่างเช่น ชุดโต๊ะกินข้าว
  2. เฟอร์นิเจอร์แบบปรับแต่ง(customize)ได้ ....
 ซึ่งโต๊ะที่ซื้อมาจะมีทั้ง 2 แบบ GALANT กับ JOKKMOKK


ชุดโต๊ะ GALANT เป็นชุดโต๊ะที่ต้อง "สั่งประกอบ" เพราะเนื่องด้วยมันสามารถ customize ได้ทั้ง พื้นโต๊ะ โครงโต๊ะ และ ขาโต๊ะ ซึ่งขาโต๊ะก็มีหลายแบบทั้งปรับระดับได้ / ไม่ได้ ...


พื้นโต๊ะก็เป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้โต๊ะมีราคาถูก/แพง ... โดยอย่างที่เห็นจากรูป
หากเลือกพื้นโต๊ะเป็นสีขาว จะช่วยประหยัดไปได้ถึง 1,000 ... แต่ด้วยความขี้เกียจของตัวเอง ...
การเลือกพื้นโต๊ะเป็นสีดำ จึงเหมาะสมกว่าที่จะประหยัดไม่เข้าเรื่อง ...


ความเจ๋งของโต๊ะชุด GALANT คือ เราสามารถจัดชุดโต๊ะเพิ่มเติมได้ ตามรูปทรงโต๊ะที่มีให้เพิ่มเติม
ดังเช่น ครึ่งวงกลม หรือ 1/4 วงกลมได้ ...


ต้องยอมรับว่า คู่มือของ IKEA ค่อนข้างเขียนไว้ละเอียด ... มีการบอกไว้ด้วยว่า
การประกอบต้องใช้กี่คนในการช่วยประกอบ ...
ชุดโต๊ะ JOKKMOKK เป็นอีกชุดที่คนต่อคนเดียวก็สามารถต่อได้ ...
โดยโต๊ะและเก้าอี้ทั้งหมดถูกแพคอยู่ในกล่องๆ เดียวไม่เหมือน โต๊ะ GALANT
อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบมีอยู่ในกล่องเกือบทั้งหมด ยกเว้นไขควง ที่จะต้องหามาใช้เอง


แต่เพราะไม่ค่อยถนัดงานช่างเท่าไหร่ .... บางทีเลยแอบซึนเดเระทำตามคู่มือโดยไม่ได้คิดอะไร ...
จึงทำให้เจ็บตัวนิดหน่อยดังเช่นการขันสกรูลงในเนื้อไม้ที่ไม่ได้มีการเจาะรู
ก็อาจจะขันยากมากหากใช้เพียงเครื่องมือที่ทาง IKEA ให้มา ....
รูปข้างบนเป็นการทำ workaround ให้ขันได้โดยไม่เจ็บมือมากครับ :)


หลังจากประกอบเสร็จ ... ได้โต๊ะกับเก้าอี้อย่างที่ใจอยากได้ ... ตามแบบที่เค้าประกอบให้ดู ...


สรุป ...
  • สินค้าเหมาะสำหรับคนที่อยากมาประกอบเอง ...
    ซึ่งถ้าหากไม่คิดมากเรื่องค่าช่างและไม่อยากเหนื่อย ...
    แนะนำซื้อเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปดีกว่า :)
  • การเดินทางค่อนข้างลำบาก ... หากนำรถไปเอง
    เพราะต้องไป U Turn หนึ่งรอบใหญ่
  • ควรทำการบ้านก่อนไปดูของจริง ไม่ว่าจะเป็นคู่มือการประกอบ
    หรือ แม้แต่ขนาดของเฟอร์นิเจอร์ เพราะจะทำให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ :)
  • สินค้าแต่ละชิ้น ราคาค่อนข้างไล่เลี่ยกัน ... แนะนำให้ดูวัสดุ ก่อนตัดสินใจครับ :)

วันอังคาร, ธันวาคม 13, 2554

ลองของใหม่กับ AIS AirNet


ตอนนี้น้ำท่วมที่บ้าน ลดและแห้งเป็นปกติแล้วครับ เลยย้ายกลับเข้ามาอยู่ที่บ้านแล้ว...
แต่ก็ยังจัดของไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ... และปรับปรุงบ้านกันยกใหญ่เลยทีเดียว

Internet ก็เป็นอีก 1 Requirement ที่อยากจะสังคายนา หลายรอบแล้ว ...
อันด้วยความจริงที่โหดร้ายเกี่ยวกับการเป็นบ้านที่อยู่รอบนอกของ กรุงเทพฯ
ความเจริญมักจะไม่ค่อยมาถึงซักเท่าไหร่ ... ตัวอย่างเช่น เนตสายเคเบิล ( Docis )
ยังไม่มีให้บริการแถวบ้าน จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ลองของใหม่ครับ ....

สาเหตุที่เปลี่ยนจากเนตสาย มาเป็นเนตไร้สาย 

ไม่ใช่ว่าต้องการที่จะโชว์โก้ ...
แต่จริงๆ แล้ว มาจากความรู้สึกที่ว่า "ราคา" เป็นสาเหตุหลักที่ผลักดันให้เกิด action
ในเมื่อเราต้องตัดสินใจซื้อบริการที่ "ไม่คุ้มค่า" กับ "เงิน" ที่เราต้องจ่ายไป ....
ดังเช่น เสียค่าคู่สาย แต่ไม่ได้ใช้โทรศัพท์ เราจะทนจ่ายไปทำไม
ในเมื่อเงินของเราจ่ายไป แต่กลับไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นต้น ....

และได้เจอประสบการณ์ที่ไม่ค่อยจะดีกับเนตสายโทรศัพท์
ที่มีเสียงซ่าแทรกในสาย ... ทำให้สัญญาณเนต ดีบ้าง / ไม่ดีบ้าง ...
หรือแม้แต่ฝนตกแล้วเล่นเนต ได้บ้าง/ไม่ได้บ้าง ....

ครั้นเรียกเจ้าหน้าที่ มาตรวจสอบก็ไม่ยอมมาตรวจสอบสายในบ้านให้ใหม่ ....
โทรไปเรียกกี่ครั้งก็บอกเป็นที่ชุมสาย ....
และหลังจากที่ได้รับคำตอบว่า "แก้ไขให้เรียบร้อย" 
มันก็ไม่ได้ดีขึ้น .... จนถึงขนาดมีเจ้าหน้าที่มาพูดแนวๆว่า

"พี่ก็ยกเลิกแล้วให้เค้ามาเดินสายใหม่สิ ได้ router ฟรีด้วย ... "

ครั้นจะยกเลิก ... ก็กลับมาบอกว่า

"พี่อย่ายกเลิกเลย มันดำเนินการช้านะ เด๋วทาง xxxx จะจัดเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบใหม่"

ติดกับ loop นี้ มา 2-3 ปีได้ จนน้ำท่วมเลยได้โอกาสระงับ
และได้เวลาที่จะไปยกเลิก(เป็นการถาวร)ในเร็ววัน ครับ :)
(ลากสาย cable มาเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน)


คิดใหม่ทำใหม่ ... จาก KB ต่างๆ ...

เมื่อตัดสินใจที่จะติดแล้ว ก็ได้หาข้อมูลติดตามจากหลายๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็น ...
ก็ทำให้เสียวๆ อยู่ว่าติดแล้วจะไม่ work ... เพราะเมื่อติดไปแล้ว
จะต้องทนใช้ให้ครบ 1 ปี ... ตามสัญญา.... ซึ่งถ้ามันไม่ดีจริง ก็คงไม่คุ้ม ... เท่าไหร่นัก ....
แต่เมื่อดูจากองค์ประกอบหลายๆ อย่างแล้ว ... ก็พบว่า ในราคา 590 บาท (ไม่รวม vat)
การที่จะได้ upload / download speed ระดับ 7Mb คงจะยากไม่ใช่น้อยจากค่ายเนต ต่างๆ ....
เลย ตกลงปลงใจ ที่จะติดครับ เสี่ยงเป็นเสี่ยง ....

รีวิวหลังติดตั้ง ....

ช่างที่มาติดตั้ง มีมา 2 คนครับ คนนึงติดตั้งเสา อีกคนตรวจสอบสัญญาณ ...
ด้วย AirNet เป็น WiFi ความถี่ที่ระดับ 5000MHz ( 5GHz ) จึงต้องมีการตั้งเสา
ให้หันไปหา Base ที่ปล่อยสัญญาณ ที่ใกล้ที่สุด
แต่โชคร้าย ที่ตำบลที่บ้านอยู่ยังไม่มี Base (แต่รอบๆ มีเกือบหมดแล้ว)
ทางช่างเค้าก็เลย ต้องหันสัญญาณ ไปรับ จาก ตำบล รอบๆ แทน ...


อุปกรณ์ติดตั้งก็มีตัวรับสัญญาณ กับ WiFi Router ... ซึ่งพอเอา router มาดูแล้ว ...
มันก็คือ ADSL + WiFi Router ยี่ห้อ Tenda ... (คาดว่า Linksys ที่ใช้อยู่จะดีกว่า ... )




ใช้เวลาทั้งหมด ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ยัน เที่ยงครึ่ง ( บวกลบเองเน้อ ) ...
ต้องต่อเสาสูงขึ้นไป 4 เมตร  .... (จากผนังบ้านชั้นบน)
อันเนื่องด้วยคุณแม่ไม่อยากให้ติดบนหลังคา



จากรูปข้างบน จะเห็นได้ว่า สัญญาณ ค่อนข้างแกว่งน้อย แม้ลมจะแรงเอามากๆ ....
แต่ไม่ถึงกับดีที่สุดอันเนื่องมาจาก ไกล Base มาก ... แต่ด้วยค่า Rx และ Tx ไม่ถึง 100
จึงทำให้สัญญาณ ในบางช่วง drop ไปพอสมควร ....

สรุป ...
ก็ถือว่าถูกใจสำหรับ ราคา 590 บาท (ไม่รวม vat) แต่ไม่ต้องเสียค่าโทรศัพท์ฟรีๆ เดือนละ 107 บาท ... แม้ว่าสัญญาณ จะแกว่งบ้าง เพราะอยู่ไกล Base แต่ก็ ถือว่าอยู่ในระดับ "ยอมรับได้" เมือเทียบกับเนตจากสายโทรศัพท์ ... DNS ล่มบ่อยไปนิด แต่พอเปลี่ยนไปใช้ของ อากู๋ ปัญหาดังกล่าวก็หายไป ... โดยส่วนตัวต้องรอดูยาวๆ ... ไว้จะมารายงานให้ทราบ ต่อๆ ไปครับ .... :)

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 24, 2554

รวมข้อมูลเกมส์ World Cruise Story - Data Sheet


หลังจากเล่นไปหลายรอบ เพิ่งเห็นว่า ฝั่ง ญี่ปุ่น มีสรุปเป็น wiki ไว้แล้วครับ
เลยจัดทำ Google Doc แบบ Translate ตรงๆ ขึ้นมา สำหรับ data ต่างๆ ภายในเกมส์
สามารถเข้าไปดูได้ที่ ....

http://bit.ly/sxpdsg

ตอนนี้ยัง translate ข้อมูลมาไม่หมดครับ และส่วนใหญ่เป็น translate ตรงๆ โดย Google Translate เลยยังไมไ่ด้ปรับ wording อะไร ... ไว้ reference ชั่วคราวครับ :) ใครอยาก update อะำไร สามารถปรับได้เลยครับ :)

credit : http://bit.ly/vOd5na

LG Optimus 2X : ปรับ Touch Key Brightness บน android 2.3

เนื่องด้วย LG ปล่อย Android Update จากเดิม 2.2 เป็น 2.3 ก็เลยรีบ update โดยพลันครับ ...
พร้อมกับเจอปัญหาหลากหลายไม่ว่าจะเป็น WiFi LEAP Protocol ที่เดิมมี App ไว้ปรับได้
ตอนนี้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว กับอีกอัน คือการปรับแสงปุ่ม touch บนตัวเครื่อง ซึ่งเดิมจะมี App


เลยต้องมาใช้ วิธีกดสูตร ... เนื่องจาก ณ ปัจจุบัน เวลา root เครื่องแล้ว ไม่สามารถ unroot กลับได้ ...
ก็เลยใช้ วิธีบ้านๆ แทนครับ ... ซึ่งไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนมือซน ซักเท่าไหร่นัก .....  
ดูวิธีทำเลยดีกว่า ...

1. เปิด Dialer ( stock dialer )

2. พิมพ์ " 1809#*990# " เครื่องจะเปิด เมนูลับให้เรามาเล่นกัน ...


3. ให้เลือก Device Test  แล้ว scroll ไปล่างสุด จะเห็น Touch LED Brightness กดเข้าไปโลด


4. ปรับแสงได้ตามสะดวก เท่าที่อยากได้ครับ :) ปรับเสร็จแล้วก็กด exit ออกมา



วิธีนี้เป็น workaround เฉยๆ เนื่องจากหาก เรา restart เครื่อง ค่าที่ set ไว้ก็จะกลับมาเหมือนเดิมครับ
จะต้องมาปรับทุกครั้งที่เรา restart เครื่อง (หากแสงมันไม่แยงตามากไป)

วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 20, 2554

รีวิว World Cruise Story


รีวิวขั้นเวลาระหว่าง  Window ใน VM กำลัง update  ครับ :P

ช่วงนี้เป็นผู้ประสพภัยครับ ประกอบกับ WiFi ของที่พัก ไม่ค่อยจะสมประกอบเท่าไหร่
ก็เลยไม่ได้ติดตามข่าวคราว เกมส์ บนมือถือเท่าไหร่นัก :) พอดี @tortor221 ไปเมนต์ใน FB ว่า
Kairo Soft ออกเกมส์ใหม่(อีกแล้ว) ก็เลยรีบแจ้นไปดูดมาพลัน ....
ต้องขอบคุณมา​ ณ​ ที่นี้ด้วยครับ :P

หากใครเป็นเซียนเกมส์ Hot Spring Story แล้วล่ะก็ ....
World Cruise Story เป็นอีกเกมส์ที่ไม่ควรพลาดครับ
เพราะมันเป็นเกมส์ที่ต้องเรียกได้ว่า "สงคราม Tile" ได้เริ่มขึ้นอีกแล้ว ...
สำหรับคนที่ไม่เคยเล่น Hot Spring Story อาจจะงงว่า อะไรคือ "สงคราม Tile" 
ต้องติดตามอ่านต่อจากนี้ครับ

World Cruise Story เป็นเกมส์แนว Strategy ที่มีจุดมุ่งหมายให้เราจะต้องวางแผนการจัดวาง สินทรัพย์ภายในเรือ เพื่อให้เป็นเรือสำราญที่โด่งดังที่สุดในโลก ... โดยปัจจัยของเกมส์ จะแบ่งสิ่งของต่างๆ ออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆ ได้แก่  ... ของตกแต่ง ... สิ่งอำนวยความสะดวก ... และ ร้านค้า ซึ่งทั้งสามอย่าง จะมีความสัมพันธ์ในด้านปัจจัยต่างๆ 3 ด้านหลักๆ ดังต่อไปนี้ ...

  • Price - ค่าใช้บริการต่างๆ ที่ได้จากผู้โดยสาร
  • Quality - คุณภาพของการบริการนั้นๆ
  • Appeal - ความน่าสนใจ ... ซึ่งต่อให้ราคากับคุณภาพดีแค่ไหนก็ขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้
ซึ่งเราจะต้องใช้ปัจจัยทั้ง 3 เพื่อทำการปลด lock ให้เรือของเรานั้น 
สามารถแล่นไปเมืองอื่นๆต่อไปได้ โดยเราจะต้อง "ชนะใจ" 
คนในเมืองที่เราสามารถแล่นไปในขณะนั้นให้ได้เสียก่อน ...
จึงเป็นเหตุให้การวาง Tile ... เพื่อให้ได้ค่าต่างๆทั้ง 3 ได้สูงๆ นั้น
เป็นสิ่งที่ท้าทายไม่น้อย .... ( ความหมายของ สงคราม Tile )

Cruise Plan จะมีให้เปลี่ยนทันทีทุกๆ 6 เดือน ( ตุลา / มีนา - ข้อมูลตามใน Help ) 
ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าเราจะล่องเรือไปไม่ได้ทุกเมือง (ที่ปลด lock แล้ว)


ในเกมส์คราวนี้จัดระบบ reviewer ไว้ค่อนข้างดีกว่า Hot Spring Story ไว้เยอะ
โดยในภาคนี้ จะมี reviewer อยู่ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านห้องพัก , ด้านอาหาร , ด้านสิ่งอำนวยความสะดวก
และ ด้านทริปทัวร์ ครับ ในแต่ละด้านมี point ด้านละ 2000 pts ซึ่งกว่าจะได้ถึง 5 ดาวนั้น ค่อนข้างยาก
พอสมควร .... ในแต่ละครั้ง แม้คะแนนรีวิวจะไม่ดีนัก เราก็จะได้เงินมาพัฒนาเรือของเราให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ได้ ซึ่ง ภายใน 1 ปีเกมส์ จะมีการ review 1 ครั้ง


จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า การจะ ปลด lock เมืองได้นั้น จะต้อง "ชนะใจ" คนในเมืองนั้นให้ได้เสียก่อน
ซึ่งการจะ "ชนะใจ" ได้นั้น เราจะต้อง "ชนะใจพระราชา" ของเมืองนั้นๆ ให้ได้ !!! แต่ก่อนจะพยายาม
"ชนะใจ" พระราชา เราควรหันมาดู budget ของเรือเราด้วยว่าคุ้มหรือไม่ เพราะพระราชาต้องนั่ง
เฮลิคอปเตอร์มา เราจึงต้องเสียค่าเชิญ ในแต่ละครั้งที่พระราชา มาด้วย .... ถ้าเรือยังไม่เจ๋งจริง ...
เราอาจจะเสียตังไปฟรีๆก็ได้ .... ซึ่งระบบนี้จะเปรียบเสมือน ระบบ reviewer ของ  Hot Spring Story 
ในการปลด lock ไอเทมต่างๆ ในเกมส์ ครับ

และสุดท้ายสิ่งที่ขาดไปไม่ได้สำหรับเกมส์ สำนัก Kairosoft ก็คือ ระบบ "Aura"
ในเกมส์ยังมีค่าอีกค่านึงที่เป็นตัวช่วยให้เราประสบความสำเร็จนั่นคือ "Energy" ครับ
Energy มีส่วนช่วยสำคัญที่จะทำให้ผู้โดยสารของเราติด Aura ได้ ... โดยส่วนใหญ่
Energy จะแฝงอยู่ใน ของตกแต่งต่างๆ ( ต้นไม้้จะเยอะกว่าสิ่งก่อสร้าง ) 
ซึ่งเมื่อผู้โดยสารเดินผ่าน ของตกแต่งนั้นๆ จะมีผลทำให้ได้ Energy จากของตกแต่งนั้นๆด้วย
ซึ่งพื้นที่ใช้ปูเอง ก็มีส่วนช่วยเพิ่ม Energy ด้วยเหมือนกัน .... 



สรุป ... 

หลังจากลองเล่นไปรอบแรก พยายามปลด lock ได้ 11 เมือง 
ไม่รู้ว่าจะมีมากกว่านั้นเหรอเปล่าไว้จะมา update อีกรอบครับ 
รายละเอียดภายในเกมส์นี้ค่อนข้างเยอะกว่า Hot Spring Story  พอสมควร
ดังนั้น อาจจะปวดหัวกว่า มากพอสมควร ด้วยเช่นกันครับ :P

สุดท้าย ก็ ฝาก tips ไว้เผื่อเล่นขำขำ สำหรับคนที่สนใจครับ :)
  • เรือมีทั้งหมดประมาณ 5 ชั้น ... พยายามเอาบันไดในแต่ละชั้นไว้ด้านหน้าเพื่อประหยัดพื้นที่และได้พื้นที่ด้านหลังกว้างมากกว่าปกติ
  • ห้องพัก / ห้องอาหาร ติดกำแพง จะได้ค่า location เพิ่ม Appeal  เป็นพิเศษ ในขณะที่สิ่งก่อสร้างอื่นๆ จะได้บ้าง / ไม่ได้บ้าง  ยกเว้นกำแพงด้านหน้าเรือ จะไม่ได้ ค่า  location เพิ่ม (สอดคล้องกับข้อแรก)
  • ตู้ขายน้ำกระป๋อง effect ขนาด 2x2 (Hot Spring  แค่ 1x1)... ไม่ต้องวางเยอะ แต่เน้น appeal  เยอะๆ
  • effect ไม่ stack ... เหมือน Hot Spring (เดาว่า Bug) ดังนั้นของ compatible กันวางแค่ 1 ชิ้นพอ
  • เล่นจบ หากปลด lock robot statue ได้ จะ carry ในรอบใหม่มาให้เล่น (นอกนั้นไม่ carry อะไรเลย)

สำหรับรีวิวเกมส์  KairoSoft ตัวต่อไป เตรียมตัวเสียตังได้เลยครับสำหรับ  ...

วันพุธ, พฤศจิกายน 16, 2554

Backbone.js งานกระดูกๆ บน javascript


ช่วงนี้ได้มีเวลาลง effort เต็มที่กับ Web Application หลังจากตัว POC เสร็จไประดับนึงแล้ว
ความยากของงานคราวนี้ดูเหมือนจะเป็นการ port โปรแกรมจากเดิมที่เป็น Client - Server
ให้มาอยู่ในรูปของWeb Application ครับ

ต้องยอมรับว่าสมัยนี้ Web Application  หากไม่มี Ajax หรือ Javascript ที่เกี่ยวกับ Transition แล้ว
Web นั้นๆ จะดูธรรมดาลงไปเลยทันที ซึ่งทั้งนี้การเขียน code javascript แบบสะเปะสะปะ
อาจจะทำให้งานงอกภายหลังได้ เหมือนกับที่ปวดหัวกับ Legacy Code ในขณะนี้ ....

Backbone.js เป็น Library อีกตัวที่ช่วยวาง Framework ในการเขียน javascript ของเรา
ให้อยู่ในรูปแบบของ MVC Design Pattern ที่ช่วยให้เราสามารถ manage code ในแต่ละส่วน
แยกออกจากกันอย่างมีประสิทธิภาพแต่ใน Backbone.js นี้จะมีลักษณะแตกต่าง
กับ MVC Design Pattern ทั่วๆ ไปในภาษาอื่นตรงที่ Controller ใน Framework ตัวนี้
จะไม่มีให้เห็นชัดเจน หากแต่จะเป็น Component อื่นๆ ที่ช่วยในการ Controller อันได้แก่

Router - ไว้ทำการ navigate แบบ hashtag
Collection - ไว้จัดการข้อมูลที่เป็น List ของ Model
Sync - ไว้ Synchronize Data กลับไปยัง Server ยามที่เราจำเป็น

ส่วน  Model ก็ เก็บ Data  ,  View ก็เก็บ การแสดงผล
เนื่องด้วยการทำงานของ Backbone.js จะเป็น Event Driven ผสมกับ Model Driven ..
การติดต่อกับ Server จึงไม่จำเป็นที่จะต้องเขียน Ajax Query เองตรงๆ แต่สามารถเก็บ URL
ที่ใช้ในการ Access Data ไว้ในตัว Model เองได้เลย โดย Backbone.js นั้น จะ built-in  REST Service
มาให้อยู่แล้ว ทำให้เราสามารถเรียกใช้ REST ให้ตรงกับความต้องการของ Backbone ได้โดยตรง ....
เช่น

Application = Backbone.Model.extend({
             url: '/auth/status'
});
var myApp = new Application();

เวลาเราต้องการดึงข้อมูล เราสามารถเขียนได้ในลักษณะนี้

myApp.fetch();

Backbone.js จะทำการไป query ตาม URL ที่เรากำหนดไว้ใน model ให้ทันที
ซึ่งจะควบคุมโดย REST service ตามการทำงานแบบ CRUD.

การใช้งานส่วนใหญ่ก็มีเวปฝรั่งเยอะพอสมควรแล้ว ขอไม่เขียนละกันครับ :)
ตัวอย่างแบบละเอียด สามารถดูได้จาก

Todos

http://documentcloud.github.com/backbone/examples/todos/index.html

โดยมี sourcecode annotation อธิบายทีละบรรทัดว่าทำอะไรเพื่ออะไรอย่างไรบ้างโดยดูจาก

http://documentcloud.github.com/backbone/docs/todos.html


ขอบ่นจากประสบการณ์ที่ใช้โดยตรงเลยดีกว่า

ข้อดี :

  • Sample App ใช้ Learning Curve ต่ำ 
  • Backbone.js มีขนาดค่อนข้างเล็ก เมื่อเทียบกับ Framework อื่น
    ( โดยรวม JQuery กับ UnderScore )
  • template engine ( underscore ) ค่อนข้างเก่ง และ เข้าใจง่าย
  • code ไม่เละ สามารถแยก object และ class ได้อย่างชัดเจน
  • Delegate events จาก DOM มาจัดการใน View ได้โดยตรง
  • เหมาะสำหรับทำ Application แบบ Stateless ( Asynchronous )
ข้อเสีย
  • Document น้อย 
  • ด้วย Pattern ที่เป็น MVC อาจทำให้เกิด over-design ได้ ต้องระวัง
  • หากทำ SPA ต้องคำนึงถึง Performance
  • อาจจะไม่เหมาะสำหรับบาง Web Application Framework ที่ไม่สามารถแก้ HTTP Header ได้


โดยรวมแล้ว อาจจะค่อนข้างเป็น Trend ใหม่สำหรับการทำ Webapp แบบ Single Page Application
แต่ในยุคสมัยนี้ Browser ค่อนข้างเก่งกว่าเมื่อก่อนมาก ในบางครั้งการทำ Application ที่ต้องติดต่อกับ Server ภายนอกโดยครอบคลุมทุก Platform นั้น จึงเหมาะสมที่จะใช้เป็น Web Application มากกว่าการเสียเวลามานั่งเขียน Native App โดยไม่จำเป็น เพราะหากเรามี Protocol ที่ดีอยู่แล้ว ไม่ว่า Web Application หรือ Native Application ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป

วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 13, 2554

Play Framework ของเล่น code ไม่เล่น

หลายๆครั้งที่มีความพยายามจะทำ Legacy Code มาให้เป็น Web Application แต่ก็ล่มไปหลายครั้ง
อันเนื่องมาจากการที่จะทำ Prove Of Concept ให้ได้ Productivity ที่สูงๆนั้น
จำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือที่ดี และ framework ที่ดี เพื่อที่จะได้ output นั้นมาได้  ...

ก็ใช้เวลาหามาเกือบปี เลยได้ Play Framework มาใช้ครับ ...

ชื่อของ Play Framework อาจจะดูแปลกๆ ... เหมือน framework ที่เขียนขึ้นมาเล่นๆ
แต่พอมาดู feature แล้ว ไม่ใช่ของเล่น แบบชื่อของมันครับ

Concept หลักๆ ของ Play Framework อาจจะดูใหม่สำหรับ java แต่จริงๆ แล้ว
ตัว folder structure ของ framework นั้นแทบจะลอก Ruby มาเต็มๆ ...
Highlight หลักๆ คือสิ่งที่ต่างจาก J2EE Framework ทั่วๆไป ดังต่อไปนี้ครับ


  • ไม่มี Page / Session / Application Context ให้ปวดหัว ...  ทุกอย่างเป็น Stateless โดยเก็บข้อมูลทุกอย่างในรูปแบบของ cached ทำให้สามารถทำ distribute system ได้สบายๆ
  • Build-in Template System ถ้าเคยใช้ Taglib ใน J2EE ก็น่าจะไม่มี Learning Curve สูงนัก
  • Full-Stack Framework ในความหมายคือ  พร้อมรันเป็น server โดยไม่ต้องพึ่งพา Application Container
  • Build-in Unit Test ถึงขี้เกียจแค่ไหน ก็สามารถเขียน Unit Test ได้ไม่ยากนัก
  • Request-to-POJO Transformation ไม่ต้องมาเหนื่อย map Request.getAttribute( ... ); มาเป็น POJO เอง Framework สามารถทำให้ได้ทันที
  • POJO-to-JSON และ POJO-to-XML ได้ทันที (มี lib อยู่แล้ว)
  • และที่สำคัญเป็น Asynchronous Call ที่เหมาะสำหรับทำ RESTful Service ที่กำลังเป็นที่นิยมขณะนี้ 

นับว่าหายากสำหรับ java framework ที่จะมี feature ตามภาษาอื่นได้ทัน ในขณะนี้ ....
แต่ที่เป็นจุดอ่อนสำคัญของ Play Framework คงหนีไม่พ้น  Security Authenticate
ที่ค่อนข้างหา reference ได้น้อยมาก(มีอยู่แต่ใน google group) ต้องรอดู Play Framework 2.0 ครับ
ว่าจะออกมารูปแบบไหน

วันพุธ, พฤศจิกายน 09, 2554

3 สัปดาห์กับการเป็นผู้ประสบภัย ...

เห็นว่าจะครบเดือนเลยมาเขียน checkpoint เล่าประสบการณ์หน่อยครับ
ไหนๆ ก็ได้เป็นส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งสำคัญของประเทศไปแล้ว :)

ณ ตอนนี้ก็เป็นผู้ประสบภัย (อินเทรนด์) กับเค้าบ้างแล้วมาถึง 3 สัปดาห์ ..
โดยส่วนตัวก็แอบตกใจเหมือนกันว่าผ่านมา 3 สัปดาห์แล้วเหรอเนี่ย .....
แต่ก็ไม่เครียดครับที่ต้องมาเป็นผู้ประสบภัย ....


ก่อนวันอพยพ ....
จริงๆ ช่วงสองสัปดาห์ก่อนอพยพนั้น ยอมรับว่าที่บ้าน
พยายาม "ฝืน" ใช้ชีวิตให้เป็นปกติ ทั้งๆ ที่สิ่งแวดล้อมมันไม่ปกติแล้ว ....
ดังเช่นเห็นได้จากระดับน้ำที่ท่วมในถนน ดังรูปข้างล่าง ....


หรือแม้แต่ ....


ก็ยอมรับว่า ฝืนเอามากๆ สำหรับการไปทำงานในเขตกรุงเทพ ทั้งๆ ที่ รอบๆ บ้านท่วมซะขนาดนี้แล้ว ...
โชคดีที่ที่บริษัท อนุญาตให้สามารถ Work From Home ได้ .... บางวันก็เลยได้ทำงานไป เฝ้าระวังน้ำไป ...
ดังเช่น สองวันก่อนที่จะได้ฤกษ์ อพยพ พบว่า ได้ถูกน้องน้ำ ล้อมรอบไว้หมดแล้ว ....


แต่ที่บ้านก็ยังคิดว่าคงยังไม่เป็นไร อันเนื่องมาจาก แถวๆ บ้าน มีสวนผักอยู่ด้วย
ซึ่งที่ดินที่ทำสวนผักนั้นค่อนข้างต่ำว่าแนวถนนของหมู่บ้าน ....
ที่บ้านเลยเรียกสวนผักนั้นว่า "แก้มลิงด่่านสุดท้าย" ซึ่งโดยปกติแล้ว
เวลาเกิดน้ำท่วม สวนผักดังกล่าวจะโดนท่วมก่อนที่บ้านเราจะโดน ....
ที่บ้านเลยเฝ้าระวังโดยวัดจากความสามารถของคันกั้นน้ำว่าจะทนทานต่อ
แรงดันน้ำที่ทำให้แก้มลิงด่านสุดท้าย ท่วมได้นานแค่ไหน ...
แต่แล้วก็ไม่รอด ครับ .... ในที่สุดก็โดนบุกมาประชิดหน้าบ้าน ....


ในเหตุการณ์วันที่อพยพ ก็ยังอยู่ใน mode สลึมสะลือ แบกของยกของขึ้นที่สูง
อันเนื่องด้วยเป็นเวลาเช้ามากของวันพฤหัสที่ 20 ตุลาคม 2554 ....
แต่ที่ได้ยินจากเพื่อนบ้านเล่ามาคือ คันดินที่กั้นน้ำนั้นได้แตก ไปแล้ว ....
น้ำที่เพิ่มระดับขึ้น ไม่ได้ มาจากน้ำหลาก ดังเช่นที่เห็นในทีวี แต่ค่อยๆ ผุดขึ้นจากท่อ
จนท่วมพื้นที่ภายในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ....
จากการลองจับเวลาในวันนั้นพบว่าน้ำเพิ่มสูง 10cm ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
ที่บ้านก็เลย รีบทำการเก็บของขึ้นที่สูง และ pack ของออกจากบ้าน ....
ด้วยความที่สมาชิกในบ้านน้อย ... 3 คน กับ อีก 1 ตัว ....

การวางแผนในการอพยพภายในบ้านก็มีการคิดกันเรียบร้อยแล้วตั้งแต่น้ำยังไม่ท่วม
จึงทำให้มีสติ แม้ภัยจะมาจ่อถีงหน้าบ้านแล้ว ..... แต่ละคนช่วยกันเก็บของ ...
เสบียงที่ไม่สามารถแบกมาพร้อมกับการอพยพได้ ก็ให้เพื่อนบ้านที่ยังไม่ได้อพยพออกมาทั้งหมด ...
แล้วก็จัดแจงเก็บของใส่กระเป๋า เอาเฉพาะที่จำเป็นออกมา พร้อมทั้งแบกเจ้าแก้ว (หมาที่บ้าน) ออกมาอพยพด้วย ....

ก่อนอพยพ ด้วยความที่ที่บ้านอยู่กันเพียงแค่ 3 คน เลยตกลงกันไว้ว่าจะพยายามช่วยเหลือตัวเองเท่าที่ทำได้ ให้มากที่สุดก่อนที่จะเรียกขอความช่วยเหลือจากคนอื่น สุดท้ายก็เลยพยายามเดินจากภายในหมู่บ้านออกมาเจอกับสภาพของบริเวณถนนใหญ่ ดังรูปนี้


ก็แอบตกใจเหมือนกันว่าทำไมที่ถนนใหญ่เจอหนักกว่าแถวบ้าน ....
ทั้งๆที่ถนนใหญ่ สูงกว่าในหมู่บ้านด้วยซ้ำ .... มาถึงจุดนี้ จึงได้พี่ทหารเรือช่วยแบกเจ้าแก้ว มาหลบข้างทางพร้อมกับ รถของหน่วยอาสา ในการอพยพออกจากบริเวณแถวบ้านไปได้ครับ

ต้องขอขอบคุณ ทั้งทหารเรือ และ รถของหน่วยอาสา มา ณ​ ที่นี้ด้วยครับ >.<

ซึ่งพอหลุดจาก zone แถวบ้านก็เลยขอลงจากรถแล้วโทรเรียก ลูกพี่ลูกน้อง
มารับออกจากจุดนัดพบนั้นไปได้ ....

โดยส่วนตัวพบว่า ที่บ้านไม่ค่อย panic นักอันเนื่องมาจากเข้าใจดีว่า

- การทำคันกั้นน้ำไม่ได้ช่วยให้บ้านน้ำไม่ท่วม
กลับทำให้เราทำความสะอาดยากขึ้นเมื่อเก็บกวาดหลังน้ำลด

- การมีสติ และ การวางแผนที่ดี ทำให้เราสามารถจัดการเรื่องยากๆ ให้เสร็จทันได้ตามกำหนดระยะเวลา

- ทุกๆคนก็เดือดร้อนกันหมด ถ้าเราสามารถพยายามช่วยเหลือตัวเองได้ในยามภาวะคับขัน เราจะเป็นภาระให้กับสังคม/อาสา น้อยที่สุด

- สื่อเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยตัดสินใจ แต่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเชื่อถือได้

ซึ่งตอนนี้หลังจากอพยพมา
ก็รู้สึกสุขภาพจิตดีกว่าตอนรอลุ้นว่าท่วม/ไม่ท่วมเยอะครับ :)

แชร์ไว้เป็นประสบการณ์ที่ได้เจอ ครั้งหนึ่งในชีวิต
สำหรับ สิ่งที่นอกเหนือจาก promotion ของรัฐบาลที่เรียกว่า  "น้ำท่วมบ้านครั้งแรก"

วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 13, 2554

กู้ IMEI สำหรับ LG Optimus 2x


ไม่รู้ว่าทำไมลง Custom ROM แล้วไปโดน IMEI ได้ ....
พอดีมีคนบอกวิธีแก้ ก็เลย จดไว้หน่อยกันลืมครับ 

เพราะหาข้อมูลตามเวปบอร์ดไทย มันยากเย็นเอามากๆ ....

จาก : http://forum.xda-developers.com/showpost.php?p=15487875&postcount=23


1. Connect phone by USB
2. Enter 1809#*990# in dialer
3. Select Port Settings -> Select CP USB
4. Start hyperterminal, in COM settings select same port like in devide manager -> LGE mobile USB Serial Port, 115200
5. Type AT if response is not OK, change port number
6. Type at%imei, it should display your current IMEI
7. Type at%imei=x,x,x,x,x,x,x,x,x,x,x,x,x,x,x , where x,x,x... is your orginal IMEI number8. Reset

ทำไมต้องกู้ IMEI ?
- เพราะ IMEI เป็น unique key ที่ LG ใช้ในการระบุว่าเครื่องของเรานั้นเป็น รุ่นไหน model อะไร ... การที่ IMEI เพี้ยนจะมีผลทำให้เราไม่สามารถ update software จาก LG ได้อีกเลย ... ก็ต้อง weight เอาว่า สมควรทำหรือเปล่า ... แต่การแก้ IMEI ในบางประเทศถือว่าผิดกฎหมาย ... ประเทศไทย ...
คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะสมัยก่อน BB เครื่อง build ก็เยอะแยะ ...

ไว้ว่างๆ + เบื่อๆ จะเขียน review Cyanogenmod บน O2X ครับ 
แต่ version stable มันยังไม่ stable เลย
( เล่นเกมส์ที่ลงทุนซื้อมาไม่ได้ ถือว่า ไม่ stable #ฮา )

วันอาทิตย์, ตุลาคม 09, 2554

รีวิว Pocket League Story



ของดอง อีกเกมส์ สำหรับ Kairo Soft ....
เป็นอีกเกมส์ที่เล่นจบตั้งแต่ 2 วันแรกที่ออก ...
Pocket League Story เป็นอีกเกมส์ของค่าย Kairo Soft
ที่ ลงใน Platform Android ... และคาดว่าจะลงใน iOS เร็วๆ นี้ ....
เนื้อหาของเกมส์ไม่ค่อยเข้มข้นเหมือน Grand Prix Story
แต่จะเน้นไปทางด้าน manage team football แทนครับ ...
แฟนๆ Championship Manager น่าจะชอบ


หน้าจอแรกจะ show ถ้วยรางวัลของ Hi-Score ..
เนื้อหาของเกมส์ หลักๆ จะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 
- แข่งแบบ Cup หรือ League 
- บริหารจัดการนักเตะ (ซื้อ / ยกเลิก / ฝึก / จัด Formation)
- จ้างโค้ช + จัดหา Sponsor ..
- Research Facility ต่างๆ เพื่อพัฒนาทีม 

ดูเหมือนจะเยอะ ... แต่ก็ไม่ซับซ้อนมากครับ เพราะอย่างเปลี่ยน Coach 
จะทำได้ต่อเมื่อจบ 1Y แล้วเท่านั้น :)
สำหรับ PL Story ก็ยังมีระบบ High Score เหมือนเดิม เพียงแต่จะอยู่ที่ 8Y 
ไม่ใช่ 14Y เหมือน Grand Prix Story 

จำนวนสนามแข่ง มี .. 5 League Matches ใหญ่ กับ 35 Cup Matches ย่อย
แต่ละการแข่งจำนวนทีมที่แข่งก็ไม่เท่ากัน ... 
ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือต้องจัด Full Team ไว้เสมอ

VaVaRio Full Team ...

ข้อดีของเกมส์ KairoSoft คือจะมี รายละเอียดในเกมส์เยอะมาก (แต่ไม่ซับซ้อน)
สิ่งที่จะทำให้ทีมเราแข็งแกร่งได้ ส่วนใหญ่ก็มาจาก Facility และ ความเชี่ยวชาญ (EXP)
ของนักเตะ ... เราสามารถปรับลักษณะการเทรนได้ตามที่เราต้องการ โดยจะมี 3 แบบคือ
  1. นักเตะเลือกเอง
  2. ฝึกซ้อมอย่างเดียว (เพิ่ม EXP)
  3. ฝึกโดยใช้ Facility (เพิ่ม Research Point + เงิน)

หน้าจอการแข่งก็มีการวัดระดับ Fame ของทีมก่อน ... ซึ่งถ้าหาก Fame ของทีมต่ำ ...
จะมีผลให้คนเชียร์น้อย ก็จะมีผลที่ตามมาคือได้เงินหลังจากแข่งน้อย
รวมไปถึงค่าความสามารถของนักเตะก็จะโดนลดลงไปด้วย (เหมือนบอลจริงๆ ที่เล่นบ้านคนอื่น)


สิ่งที่ขาดไปไม่ได้สำหรับเกมส์ของ Kairo Soft คือ ระบบ Aura ครับ
ระหว่างแข่งนักเตะจะมีระดับ Aura ให้เราสามารถกดใช้ได้ ...
โดย Aura จะเพิ่มขึ้นได้จาก 2 แหล่ง ... คือ
ลงแข่งบ่อยๆ กับ ใช้ Facility ที่เพิ่ม Aura ได้เยอะๆ
เวลาเจอทีมที่เก่งกว่า ...
Aura จะมีประโยชน์มากกับตัวนักเตะที่มี stat สูงพอสมควร


โดยรวม PL Story ถ้าไม่เป็นคนชอบดูบอลอยู่แล้ว
อาจจะเบื่อๆ ได้ หลังจากเล่นจบไปรอบนึงแล้ว ..
แต่ถ้าเป็น Fan ของค่าย Kairo Soft ก็ไม่ควรพลาดครับ :)


ก่อนจบ ยัด Tips ใส่ไว้หน่อยละกัน :)
  • เมื่อเล่นจบ .. ค่า Stat + LV ของตัวนักเตะ , ค่า Upgrade Facility LV,
    Formation จะ Carry มาให้ใช้ได้ทันที มีผลทำให้ Hi-Score จะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เล่นจบ
  • นักเตะ Rank ที่ดีที่สุดคือ Super Star (แหงอยู่แล้ว) แต่ต้องแลกมาด้วยค่าตัวสูงลิ่ว และ เงินเดือนที่แอบเวอร์ 
  • Formation ที่เกรียนที่สุด คือ 3-3-4 บุกแหลก
  • ทีม The Prins โหดที่สุดในสามโลก
  • ถ้าต้องการ Research Point เยอะๆ ให้สร้าง Gift Shop แล้วพัฒนาทีมให้เร็วที่สุด manage Timing ดีๆ




JavaOne 2011 : Road Map ที่จะเกิดขึ้น


นานๆ ที กว่าจะได้เห็น Oracle เปิด Free Session ให้ดู ....
เลยต้องเขียนสรุปกันลืมไว้หน่อยครับ .....

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็จบไปแล้วสำหรับ JavaOne ...
โชคดีที่ Session เค้าค่อนข้างเป็นการเป็นงาน ....
เลยได้ดูแบบไม่ต้องนอนดึกเกินเที่ยงคืนซักเท่าไหร่ ... เข้าเรื่องดีกว่า ....

หลักๆ แล้ว Keynote Style Oracle จะค่อนข้างขายของพอสมควร ...
ดูสรุป JDK7 ได้ที่นี่ครับ



ใครๆ ก็คิดว่า Oracle ซื้อ Java มาดองเค็ม ...
แต่หลักจากฟัง Guest Speaker มาบรรยายใน Session KM
ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้ว สิ่งที่ Oracle พยายามขายไม่ใช่เพียงแค่ Software
แต่เป็น Knowledge ด้วยตังหาก ...

ทีนี้ แล้ว JDK RoadMap จะเป็นยังไง ?

JDK RoadMap


แอบดีใจว่า JDK7 จะไม่โดนลากไป 27 update .... แต่มันแค่เรื่องอนาคตก็ต้องรอลุ้นต่อไป lol
จุดที่หน้าสนใจสำหรับ JDK7 คือ Project Coin , Invoke Dynamic ( ใช้กับพวก JRuby, Nashorn ) , และ Fork/Join Framework

ซึ่งโดยรวมก็ถือว่า สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาทำให้ เขียน code ได้ง่ายขึ้นเยอะ ... ที่น่ารอคงไม่พ้น Lambda ที่เพิ่มให้ Java สามารถเรียก dynamic method แบบ functional language ได้ ก็ต้องร้องเพลงรอกันต่อไป  ....

JavaFX Roadmap



สำหรับคนที่คาดหวังกับ Swing Replacement  ของ Java
อาจจะผิดหวังไปแล้วสำหรับ  Webview   ... javaFX จึงไม่ได้ตอบโจทย์
สำหรับคนที่ต้องการ Cross Platform ระหว่าง Web กับ Desktop  เท่าไหร่นัก
(เพราะมันออกแบบมาเพื่อเป็น Desktop แต่ deploy บนเวปได้แค่นั้น)

แล้ว Oracle จะตอบโจทย์ HTML5 ให้กับ Java ได้ยังไง ....
นั่นคือ ...


AVATAR !!!





แต่เหมือนจะมาช้าไปหนึ่งเก้าทุกทีสำหรับ java .... เพราะตอนนี้ก็ยังเป็นวุ้น
เช่นเดียวกับสมัย javaFX ที่ Adobe เริ่มมี Flex , Microsoft เริ่มมี silverlight ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ...


ก็ยัง งงๆ กับ สิ่งที่ Oracle คิดอยู่ ว่ายังมองว่า Desktop App กับ Web App ยังไม่ควรเป็น​ Application เดียวกัน ?? ก็คงต้องติดตามต่อไปว่า แนวคิดไหน จะดีที่สุด ครับ :)

โดยสรุป .... Oracle งานงอกขึ้นมาอีก 1 stack  ที่จะเอาไว้ชนเรื่อง HTML5 กับเจ้าอื่น ....

แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของอนาคตครับ ต้องรอดูต่อไปว่าจะเป็นยังไง
เพราะ Technology เปลี่ยนแปลงบ่อย ...


วันอังคาร, ตุลาคม 04, 2554

Bye Bye , JavaFX

เราให้เวลานายมานานพอแล้ว ....  
ก็เข้าใจว่า ... java ไม่เคยมีพวก WebView ... 
แต่พอมีแล้วเหมือนได้ IE6 มา ทั้งๆ ที่แกนข้างใน 
เป็น Webkit ดูแล้วมันหดหู่ใจไม่น้อย ...

สำหรับคนที่อยากลองครับ .... JavaFX Support function ต่อไปนี้สำหรับ HTML5 ....


ข้อเสียหลักๆ คือเล่น ActiveX หรือ Flash ไม่ได้ .... 
แล้วโดยเฉพาะพวกเวปที่ detect User-Agent ... อย่าง FaceBook นี่ดับอนาถ ... 
แต่ถ้ามองในแง่ใช้งานก็ถือว่าพอเพียงสำหรับ แสดงผล HTML 2.x ไหวครับ :)

แต่โดยส่วนตัว ... ถ้าต้องการ Web Browser ภายใน Java Desktop Application ... 
ยังไงๆ ก็แนะนำให้ใช้ native swing + chrome frame มากกว่าครับ ... 
ถ้ายังคาดหวังรอใช้ JavaFX มีแววว่าจะไม่ทันการ ...

ตัวอย่าง project WebView ... ดูได้จากที่นี่ ครับ :
http://www.4shared.com/file/sDFwme12/dist.html

โดยสรุป .. เสียเวลารอฟรี ...